Harn2.com ศูนย์รวมของเล่น เลโก้ ( Lego ) นาโนบล็อค ( Nano Block ) โมเดลแผ่นเหล็ก ( Metallic Nano Puzzle )
 
Home About us Products Blog Webboard Contact us
   

 

 

คำถามยอดฮิต...จัดกระเป๋ายังไงดี

            คำถามนี้ ถ้าคุณเป็นคนค่อนข้างมีฐานะ(คือรวยนั่นแหละ) ที่สามารถนั่ง Business Class ได้ คุณคงลืมสิ่งนี้ไปได้เลยเพราะคุณมีน้ำหนักที่จะโหลดของขึ้นเครื่องกลับได้สบายอยู่แล้ว หรือถ้าคุณไปกับกรุ๊ปทัวร์ก็คงไม่ต้องคิดเรื่องนี้อีกเหมือนกัน แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็จงคิดเอาไว้ว่าคุณมีน้ำหนักแค่ 20 กิโลกรัม (max สุด 25) และใน 20 กิโลกรัม นั้นก็เป็นกระเป๋าเปล่าๆ แล้ว 7 กิโลกรัม (ยกเว้นคุณจะมีเงินซื้อกระเป๋ารุ่น light ที่ใบเดียวเป็นหลักหมื่น) Carry on ได้อีก 7 โล แต่เป็นกระเป๋าแล้ว 3 กิโลกรัม ฉะนั้นถ้าคุณอยากจะที่จะมีของติดไม้ติดมือกลับมา อย่าพยายามขนเสื้อผ้าหนักๆ เพราะคุณจะไม่มีน้ำหนักในการขนของกลับ

            เคยได้ยินไกด์ที่ญี่ปุ่นพูดถึงคนไทยไว้ว่า นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแดก ลงเป็นซื้อ อาจจะไม่เพราะไปบ้างแต่เค้าพูดจริงๆ นะไม่ได้เปลี่ยนแปลงคำพูดเลย ^_^

            กลับมาต่อ  ..........เราควรที่จะจัดเสื้อผ้าที่เบาๆ ไป (เสื้อยืดได้ยิ่งดี จะได้ห่อของกลับได้) ส่วนกางเกง  ขอบอกเลยว่าใส่ซ้ำบ้างก็ได้ เพราะอย่าลืมว่า “ยีนส์ 1 ตัว” ที่ใส่ลงกระเป๋านั้นหมายถึงน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ส่วนผ้าเช็ดตัวถ้าไม่อยากใช้ของโรงแรมก็เอาของเราไปเองก็ได้ไม่ว่ากัน แต่เอาผืนเล็กไซส์ผ้าเช็ดหัวไปก็พอนะ และก็ไม่ต้องขนไปเยอะเอาแค่ผืนสองผืนก็พอ (หนักเกิ๊น...) แต่ถ้าใครไม่อยากใส่เสื้อผ้าซ้ำ แนะนำให้ลองดูที่โรงแรมว่ามีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญมั้ย (ย้ำว่าหยอดเหรียญนะไม่ได้ส่งให้โรงแรมซัก...อันนั้นหรูเกิน) ส่วนใหญ่ในหน้าเว็บตอนจองโรงแรมจะมีเขียนบอกอยู่ลองหากันดูดีๆ ก็อย่างที่บอกไปข้างบนนั่นแหละว่าถ้าคุณไม่ได้รวยขนาดที่จะยอมเสียค่าน้ำหนักเพิ่มที่สนามบินกิโลละเป็นพัน หรือทิ้งของตรง Counter check in อีกทั้งยังอยากได้ความสนุกในการ Shopping!!! จงอย่าขนของไปเยอะ (เป็นคำที่ย้ำบ่อยมากจนคนเบื่อ แต่ก็เห็นเป็นจริงทุกราย รายนึงที่เคยเจอ  คือ  หิ้วกระเป๋าใบใหญ่มาก...เปิดมาเจอไดร์เป่าผมด้วย...อึ้งเลย สรุปขากลับน้ำหนักไม่พอต้องทิ้งที่สนามบิน   อีกรายหิ้วผ้าเช็ดตัวไปเพียบต้องทิ้งมันที่โรงแรมเลย)

            ต่อมาจะพูดถึงเวลาที่ไปถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว... ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ต้องเดินทางท่องเที่ยวด้วยลำแข้งของตัวเองสุดๆ (ทุกครั้งที่ไปจะต้องมีกอเอี๊ยติดไปด้วยเสมอ) ขอบอกว่า “ขาแทบหลุด” แต่ก็จะสร้างความทรงจำที่ดีให้กับ Trip นั้นๆ ไม่มีลืมเลย “น่านนอกเรื่องอีกแล้ว” กลับมาก็ได้...ชิ ~~ คือจะบอกว่าการเอากระเป๋าไปเพื่อขนของกลับเป็นเรื่องดี เออพูดถึงตรงนี้ขอเล่าเรื่องนึงเกี่ยวกับกระเป๋า...ป๊าวไม่ได้นอกเรื่องเลยนะแค่เล่าเป็นอุทธาหรณ์   มีครั้งนึงไปญี่ปุ่นกับญาติ นั่งเครื่องไปลงโอซาก้าพอถึงตอนเอากระเป๋าก็รอจนหมดสายพานแล้ว แต่อ้าวกระเป๋าเราหายไปไหน 1 ใบหว่า เราเลยเอาเลขกระเป๋าไปเคลมจนรู้ว่ากระเป๋าเรายังอยู่ที่สุวรรณภูมิไม่ได้ส่งมา  ตอนนั้นโมโหมากๆๆๆๆ ต่อว่าเจ้าหน้าที่สายการบินใหญ่เลย จนเค้าต้องขอโทษบอกว่ากระเป๋าจะมาถึงภายใน 3 วัน  เราก็ไม่ยอม  บอกเค้าว่าเราจะออกไปเที่ยวเมืองอื่นไม่ได้อยู่รอเอากระเป๋า  เค้าคงไม่รู้จะทำไงบอกว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้เราเป็นค่าเสื้อผ้าใส่ตามจำนวนวันจนกว่าเราจะได้กระเป๋า.......น่ารักป่ะล่ะ.......เราก็เลยยอม  พอเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็ถามว่าในกระเป๋าเป็นยังไงและมีอะไรบ้างเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการนำกระเป๋าออกจากสนามบิน  เราเลยไปถามญาติ  จึงรู้ว่ากระเป๋าใบนั้นเป็นกระเป๋าเปล่าๆ ไม่ได้ใส่อะไรเลย  เราเลยเดินหน้าเจื่อนๆ กลับไปบอกเจ้าหน้าที่ เค้าก็ถามว่าจริงเหรออะไรสักนิดก็ไม่มีเหรอ บวกกับทำหน้าแปลกๆ ประมาณว่า “แล้วมึงจะโวยวายขนาดนั้นทำไม๊”   สรุปเลยได้ข้อคิด(เอาเอง) 3 ข้อว่า   ข้อแรกอย่าทิ้งใบเลขโหลดกระเป๋าเด็ดขาดเพราะมันอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเราก็ได้ ข้อสองคือการจะเคลมอะไรก็แล้วแต่อย่าไปแสดงท่าทางชักสีหน้าใส่เค้า ให้ทำหน้าเฉยๆไว้ แต่แฝงด้วยความคิดที่ว่ายังไงเราเป็นลูกค้าคุณก็ต้องยอมเรา “คือเราเข้าใจที่คุณพูดมา แต่เราไม่พอใจ” และสุดท้าย (สำคัญที่สุด) อย่าโหลดกระเป๋าเปล่าๆ ลงเครื่องเด็ดขาดเพราะมันอาจจะเกิดเรื่องอย่างนี้กับคุณได้

            กลับมาต่อ...นอกเรื่องซะยาวลืมเรื่องที่อยากจะบอกเลย คือเรื่องการขนกระเป๋าระหว่าง Trip เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าการเที่ยวภายในญี่ปุ่นนั้นต้องใช้การเดินทางด้วยรถไฟ และด้วยความที่บันไดที่ญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่เป็นบันไดเลื่อนแต่เลื่อนด้วยขาตัวเองนะ ฉะนั้นการขนกระเป๋าใบใหญ่ๆ เป็นเรื่องที่ลำบากมากๆๆๆๆๆ เพราะงั้นถ้าเรามี plan ว่าจะไปเที่ยวหลายเมือง และนอนค้างที่เมืองต่างๆ แล้วละก้อ เราควรต้องจัดกระเป๋าเป็น 2 ใบ ใบแรกเป็นใบเล็กๆ หรือ Backpack หรืออะไรก็ได้ที่หิ้วง่ายเพื่อความสะดวกในการ (วิ่ง) เปลี่ยนรถไฟ... อ้าวแล้วกระเป๋าใบใหญ่อีกใบล่ะทำยังไง??? “ปัญหานี้แมวดำช่วยท่านได้” แมวดำคือบริษัทรับขนส่งของในญี่ปุ่นที่จริงๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันชื่ออะไร แต่เห็นโลโก้มันเป็นแมวตัวสีดำคาบลูกอยู่ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่งก็จัดว่าไม่ได้แพงเท่าไหร่นัก (น่า...เอาเหอะเพื่อซื้อความสะดวกอย่างมากๆๆๆ) แมวดำมีอยู่เกือบทุกที่ในประเทศญี่ปุ่นหาได้ตามโรงแรมที่ใหญ่หน่อย หรือซุปเปอร์ต่างๆ ที่มีสัญลักษณ์รูปแมวคาบลูก   เราแค่หาชื่อที่อยู่ของโรงแรมที่เราจะให้จัดส่งกระเป๋า   ถ้าจะให้ดี print จากไทยไปแต่ให้มีภาษาญี่ปุ่นด้วยนะ เพราะเคย Print ภาษาอังกฤษไป แต่เจอคนรับแปลเป็นญี่ปุ่นไม่เป็นเสียเวลาเป็นชั่วโมงเลย!! -_- โดยหน้าที่เราจะต้องดูว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนบ้างเพื่อที่จะได้วางแผนในการส่งกระเป๋า เช่นถ้าเราอยู่โอซาก้าแล้วคิดที่จะไปเที่ยวเกียวโตหรือจังหวัดรอบๆ ก่อนที่จะไปโตเกียว เราต้องจัดกระเป๋าเล็กเพื่อเดินทาง แล้วส่งกระเป๋าใหญ่ไปที่โตเกียวโลด บางโรงแรมก็มีบริการเอากระเป๋าขึ้นไปรอเราที่บนห้องด้วยนะถ้าเราแจ้งรายละเอียดการ Check in ไปตอนส่งกระเป๋าด้วย พอแค่นี้สำหรับเรื่องนี้ดีกว่า ว่าจะเขียนสั้นๆ แล้วนะเล่นซะยาวเลย

            อ้อ...ลืมไปยังมีอีกเรื่องนึงที่สำคัญมาก คือต้องบอกตัวเองไว้นะว่า เราไปเที่ยวนะไม่ได้ไปเดินแฟชั่น ฉะนั้นรองเท้าเป็นสิ่งสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดั่งชีวิต ลองคิดดูสิว่าเดินไปรองเท้ากัดไปมันจะแย่ขนาดไหน -_- … สำหรับตัวเองที่เห็นคนที่ไปด้วยต้องซื้อรองเท้าใหม่ตลอดด้วยเหตุผลที่ว่ารองเท้ากัดบ้าง, รองเท้าหนักบ้าง, รองเท้าสูงไปบ้าง ก็คิดทุกครั้งเลยว่า “เราเตือนคุณแล้ว” ดังนั้นรองเท้าที่ใส่ไปเที่ยวไม่จำเป็นต้องเป็นรองเท้าสวยหรือรองเท้าใหม่ แต่ขอให้เป็นรองเท้าที่เราใส่ประจำหรือใส่สบาย อาจจะเก่าไปนิดไม่สวยไปหน่อย แต่รับรองได้ว่าเค้าจะเป็นเพื่อนคู่เท้าคุณตลอดการเดินทางเลยล่ะ ^_^

 

 

 

HOME | ABOUT US | PRODUCTS | BLOG | WEBBOARD | CONTACT US